เปิดประวัติ หลวงปู่ธรรมรังษี วัดพระพุทธบาทพนมดิน
หากจะพูดถึงสถานที่ปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐาน ในจังหวัดสุรินทร์จะไม่พูดถึง วัดพระพุทธบาทพนมดินไปไม่ได้เลย เนื่องจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสานท่านตั้งใจบุกเบิกป่าหนาทึบให้เป็นสถานที่ปฏิบัติที่สงบร่มเย็น นอกจากนี้ท่านยังสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ภายในวัดอีกมากมาย จนกลายเป็นวัดที่มีชื่อเสียง ผู้คนให้ความเคารพศรัทธาและนิยมมาปฏิบัติธรรมที่วัดพระพุทธบาทพนมดินแห่งนี้
นอกจากยังมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับโชคลาภ ความเชื่ออีกมากมาย ที่สามารถติดตามได้ที่ คนมีดวง เว็บข่าวสารดีๆ เสริมความปัง ให้กับทุกๆคน
ข้อมูลทั่วไป
เดิมชื่อวัดพระพุทธบาทเขาพนมดิน ในเวลาต่อมาจึงได้เปลี่ยนเป็น “วัดพระพุทธบาทพนมดิน” ตั้งอยู่ที่ตำบลท่าตูม อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ อยู่ห่างจากตัวอำเภอประมาณ 5 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้ง 50 ไร่ เป็นวัดที่มีบรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ อีกทั้งยังมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงามหลายอย่าง เช่น พระมหาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธบาทจำลองฯลฯ เจ้าอาวาสองค์แรกคือ “หลวงปู่ธรรมรังษี” ท่านเป็นพระเกจิที่มีชื่อเสียงของจังหวัดสุรินทร์ อีกทั้งยังเป็นสุดยอดพระเกจิแห่งอีสานใต้ เป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด
ประกอบกับพุทธาคมที่เข้มขลังของสายเขมร
ประวัติวัดพระพุทธบาทพนมดิน
ในปี พ.ศ. 2562 เจ้าคณะอำเภอท่าตูมในสมัยนั้นคือ ท่านพระครูประภัศร์คณารักษ์ (จันทร์ ปภัสสโร) ได้พบกับหลวงปู่ธรรมรังษี และได้นิมนต์หลวงปู่ท่านไปดูป่าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากจากตัวอำเภอท่าตูมมากนัก เป็นป่าที่มีลักษณะป่าทึบ เมื่อหลวงปู่ธรรมรังสีได้เห็นสถานที่แห่งนี้เกิดความปิติเป็นอย่าง เพราะท่านรู้สึกเหมือนคุ้นชินกับสถานที่แห่งนี้มาก่อน แล้วท่านก็ได้เอ่ยอีกว่า “ฤาษีธรรมรังษี อาตมาเป็นฤาษีพนมดิน” หลวงปู่ธรรมรังษีจึงไม่มีความลังเลแม้แต่น้อยที่จะบุกเบิกสร้างป่าหนาผืนนี้ให้เป็นวัด และเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมที่รุ่งเรืองให้ได้ การมาของหลวงปู่ธรรมรังษีได้มีภิกษุสามเณร แม่ชี พราหมณ์ และอุบาสกอุบาสิกาที่ศรัทธาในพุทธศาสนาและศรัทธาหลวงปู่ธรรมรังษีมาด้วยติดตามท่านมาด้วย แม้ตอนที่กำลังริเริ่มพัฒนาจะต้องอาศัยอยู่ในป่า ไม่มีกุฏิหรือที่พักให้พัก อีกทั้งยังมีทั้งยุงและงู แต่เหล่าศิษยานุศิษย์ทั้งหลายก็เต็มใจอยู่ปรนนิบัติรับใช้และปฏิธรรมไปพร้อมกับหลวงปู่
ในวันหนึ่งมีสามีภรรยาคู่หนึ่ง ได้เดินทางผ่านไปยังป่าทึบแห่งนั้น ก็ได้พบกับลำแสงสีฟ้าครามบนท้องฟ้าพุ่งลงมาสู่ป่าหนาทึบนั้น สองสามีด้วยความอยากรู้ว่าคือแสงอะไร จึงได้ตัดสินใจเข้าไปดูแสงนั้นใกล้ๆ และก็ได้พบกับพระสงฆ์รูปหนึ่งที่นั่งสมาธิอยู่บนแคร่ไม้ไผ่เล็กๆ อยู่ในท่ามกลางป่าไม้ข้างๆของท่านไม่มีอะไรเลยนอกจากเครื่องอัฏฐะบริขารเพียงน้อยนิด ในภายหลังสองสามีถึงได้ทราบว่าพระรูปนั้นคือ หลวงปู่ ธรรมรังษี ด้วยบารมีของหลวงปู่และแรงศรัทธาของเหล่าศิษยานุศิษย์ ทำให้สามารถสร้างวัดพระพุทธบาทพนมดินได้สำเร็จดังเจตนารมณ์ของคณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน อำเภอท่าตูม ได้ดังที่หวังไว้ หลวงปู่ธรรมรังสีมีความตั้งใจที่จะอยู่พัฒนาบุกเบิก วัดแห่งนี้ให้เป็นสำนักวิปัสสนากรรมฐาน และได้สร้างศาลาการเปรียญ เสนาสนะ อีกทั้งสิ่งก่อสร้างต่างๆ เช่นกุฏิสงฆ์ ศาลาที่พักของผู้มาปฏิบัติธรรมไม่น้อยกว่า 50 หลัง หอสวดมนต์ พระอุโบสถ เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ท้ายที่สุดวัดพระพุทธบาทพนมดิน ก็เจริญรุ่งเรืองดังที่ได้เห็นในปัจจุบัน
ประวัติ หลวงปู่ ธรรมรังษี
นามเดิมของหลวงปู่ธรรมรังสี คือ สุวัฒน์ ฉิง เกิดเมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2460 ที่ตำบลเกีย อำเภอโมงฤษี จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา เมื่ออายุครบ 20 ปี บริบูรณ์ ท่านจึงได้อุปสมบทที่วัดเวฬุวนาราม เป็นวัดที่บ้านเกิด ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีใจใฝ่ปฏิบัติสมาธิภาวนา และกรรมฐาน เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2481 หลวงปู่ได้เดินทางเข้ามาศึกษาภาษาไทย ณ วัดมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร จนสามารถอ่าน เขียน พูดภาษาไทยได้เป็นอย่างดี ก่อนที่จะเดินทางมาพำนักอยู่ในประเทศไทย ท่านมีสมณศักดิ์เป็น พระครูธรรมรังษี ประเทศกัมพูชาเกิดสงครามการต่อสู้กันอย่างรุนแรง เมื่อปี พ.ศ.2517 ท่านจึงตัดสินใจเดินทางจากอรัญประเทศเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่กรุงเทพมหานครได้จำพรรษาอยู่ที่วัดเพลงวิปัสสนาเป็นเวลา 1 พรรษา เพื่อฝึกฝนวิปัสสนากรรมฐานต่อมาท่านได้เดินทางมายังจังหวัดสุรินทร์ โดยมาจำพรรษาที่วัดป่าขี้เหล็ก อำเภอรัตนบุรี จังหวัดสุรินทร์ เมื่อถึงพ.ศ. 2526 หลวงปู่ได้เดินธุดงผ่านมาที่อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ ท่านจึงได้ปักกลดที่บริเวณป่าเขาพนมดิน จากนั้นท่านได้ตัดสินใจอยู่พัฒนาบุกเบิกเป็นสำนักวิปัสสนากรรมฐาน และเพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมจนเจริญรุ่งเรือง หลวงปู่ ธรรมรังษี มีชื่อเสียงทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน อีกทั้งยังเป็นนักพัฒนา เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2541 ท่านได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา หลวงปู่เป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาธรรม ให้ความเมตตากับทุกชนชั้น อีกทั้งยังเป็นตัวอย่างที่ดี
ของพระสงฆ์ สามเณร และพุทธบริษัททั่วไป
ศาสนสถานโดยสังเขปดังนี้
- เจดีย์รอยพระพุทธบาท
- ศาลาระลึก 200 ปี รัตนโกสินทร์ (ประดิษฐานองค์พระพุทธนิมิตมงคล)
- พระอุโบสถ (วางศิลาฤกษ์ เมื่อปี พ.ศ. 2536 และยกช่อฟ้า เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2541และสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2542)
- พระมหาเจดีย์ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันธาตุ สมเด็จพระสังฆราช แห่งประเทศศรีลังกา ประทานให้
- ปราสาทโลงแก้วทรงศิลปะเขมร บรรจุสังขารหลวงปู่ ธรรมรังษี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2554
- บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ 2 คือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แม่ธรณีบีบมวยผม และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์พญานาคท่านเงิน และพญานาคท่านทอง
- สวนปฏิบัติธรรมป่าเลไลยก์
- กุฏิสงฆ์ 56 หลัง และกุฏิแม่ชี และผู้ปฏิบัติธรรมหญิง 14 หลัง
สรุป
วัดพระพุทธบาทพนมดิน เป็นวัดที่มีความสงบร่มรื่น นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องเป็นสถานที่เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม วิปัสสนากรรมฐาน ผู้คนยังนิยมมาทำพิธีสะเดาเคราะห์ ต่อชะตา อายุ เสริมบารมีที่วัดพระพุทธบาทพนมดินแห่งนี้อีกด้วย เวลากำหนดการทำพิธีคือ วันเสาร์ อาทิตย์ อังคาร และพฤหัสบดี เวลา 09.00 – 12.00 น.
อ่านบทความจบแล้วอย่าลืมเสี่ยงโชคกับ Lottosod59 เว็บออโต้กระเป๋าเดียวที่ดีที่สุด