“เนสซี” ตำนานสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบล็อกเนสส์ (Loch Ness)
ถ้าพูดถึงสัตว์ประหลาดแห่งทะเลสาบล็อกเนสส์ หรือเนสซีเชื่อว่าหลายคนคงจะเห็นภาพว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในยุคโบราณ อยู่ในยุคเดียวกับไดโนเสาร์เมื่อประมาณหลายสิบหลายร้อยล้านปีที่แล้ว ที่มีลักษณะทางกายภาพเป็นไดโนเสาร์คอยาวที่มีรูปร่างคล้ายกับ Plesiosauria ซึ่งเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำมีครีบ และในปัจจุบันมันได้สูญพันธุ์ไปพร้อมกับยุคไดโนเสาร์แล้ว ข้อมูลตรงนี้ถูกยืนยันอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่า Plesiosauria ได้สูญพันธุ์ไปแล้วจากการค้นพบฟอสซิลที่มีอยู่หลายๆที่ทั่วโลก และมีการวิจัยออกมาแล้วว่าฟอสซิลนั้นมีอายุเท่าไหร่ และยังมีสัตว์สายพันธุ์นี้อยู่บนโลกหรือเปล่า แต่ในอดีตที่ผ่านมาไม่กี่ร้อยไม่กี่พันปีนี้ได้มีบันทึกการค้นพบสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีลักษณะคล้ายไดโนเสาร์คอยาวมีครีบสี่ครีบอยู่เยอะมาก ซึ่งในพื้นที่ที่คนพูดถึงกันมากที่สุดนั่นก็คือพื้นที่ทะเลสาบล็อกเนสส์ ในประเทศสก็อตแลนด์ที่เขาว่ากันว่ามีหลายคนได้พบเจอ กับสิ่งมีชีวิตคอยาวมีลักษณะคล้ายกับไดโนเสาร์โผล่ออกมาในทะเลสาบแห่งนั้นอยู่บ่อยครั้งนั้นเอง
ติดตามเรื่องราวของตำนานอีกมากมายได้ที่ “คนมีดวง” เว็บข่าวสารดีๆ เสริมความปัง ให้กับทุกๆคน
บันทึกการพบเจอเนสซี
ข้อมูลที่เก่าที่สุดและมีบันทึกไว้คือข้อมูลบันทึกของอดัมแนน ซึ่งได้บอกไว้ว่าในวันที่ 22 สิงหาคมปีคริสตศักราชที่ 565 ได้มีบาทหลวงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า St. Columbaได้เดินทางมาที่สกอตแลนด์บริเวณทะเลสาบล็อกเนสส์ เพื่อที่จะเผยแพร่ศาสนาให้แก่ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้น ซึ่งในเวลานั้นชาวบ้านก็ได้ไปขอร้องกับบาทหลวงว่าให้ช่วยขับไล่สัตว์ประหลาดที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ที เพราะสัตว์ประหลาดตัวนี้ได้โผล่ออกมาทำให้หลายๆคนที่เห็นตกใจและไม่กล้ามาใช้แหล่งน้ำแห่งนี้ และมีคนที่มาใช้แหล่งน้ำแห่งนี้ สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยก็มี ชาวบ้านเลยบอกว่าถ้าหากบาทหลวงช่วยเหลือพวกเขาเหล่านี้ได้ เขาจะยอมศึกษาและเข้าศาสนาด้วย ซึ่งตามบันทึกได้บอกเพิ่มเติมไว้ว่าบาทหลวงได้ทำพิธีกรรมอะไรสักอย่างหนึ่ง และหลังจากนั้นเขาก็ได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่างขนาดใหญ่อยู่ใต้ทะเลสาบล็อกเนสส์ และบาทหลวงก็ได้ทำการไล่เจ้าสัตว์ ประหลาดตัวนั้นก่อนที่เงาปริศนาบนผิวน้ำตรงนั้นจะหายไปในไม่ช้า ตามข้อมูลเขาก็ไม่ได้บอกเพิ่มเติมว่าเขาได้เห็นสัตว์ ประหลาดตัวนั้นในลักษณะแบบใด ตามบันทึกนี้บอกเพียงแต่ว่าบาทหลวงได้ช่วยไล่มันออกไป และไม่มีใครค้นพบหรือพบเจอสัตว์ ประหลาดตัวนั้นอีกเลยจนเรื่องราวนี้หายไป และได้มามีการพูดถึงการพบเนสซีอีกครั้งโดยผ่านมากว่า 1,400 ปี
การค้นพบเนสซี
ข้อมูลบอกว่าในช่วงปี 1933 ทางประเทศสก็อตแลนด์ ได้มีการตัดถนนผ่านเส้นทางของทะเลสาบล็อกเนสส์ และมีประชาชนหลายคนใช้ถนนเส้นที่ขับผ่านทะเลสาบล็อกเนสส์เป็นจำนวนมาก ซึ่งได้มีอยู่วันหนึ่งที่มีสามีภรรยาคู่หนึ่งได้ขับรถผ่านถนนเส้นที่ว่านั้น และพวกเขาสองคนได้สังเกตเห็นเงาของอะไรสักอย่างหนึ่งที่มีขนาดใหญ่มากอยู่บริเวณผิวน้ำในทะเลสาบล็อกเนสส์ ซึ่งทั้งคู่ด้วยความสงสัยจึงทำการจอดรถและลงไปดูให้ใกล้ที่สุด แต่พอพวกเขาทั้งสองได้จอดรถและลงไปดูริมฝั่งทะเลปรากฏว่าเงาตรงนั้นก็ได้หายไปแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ถูกบอกต่อกันไปเรื่อยๆ จนไปถึงหูนักข่าวทำให้ในเวลาต่อมา เรื่องนี้ถูกปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น และเงาตรงนี้ก็ได้มีการจำลองภาพขึ้นมา พร้อมกับตั้งชื่อว่านี่คือสัตว์ ประหลาดแห่งทะเลสาบล็อกเนสส์ และเรื่องราวนี้ได้ถูกกระจายข่าวออกไป ต่อมาก็มีคนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทั้งคนที่อยากจะรู้ว่ามันมีอยู่จริงหรือเปล่าและนักวิทยาศาสตร์รวมถึงนักสำรวจ ต้องการพิสูจน์ว่าสิ่งเหล่านี้มันคืออะไร ก็ได้มีคนแห่เข้ามาพิสูจน์เป็นจำนวนมาก จนทำให้กลายเป็นสถานที่ที่คนมาถึงเป็นอันดับ 1 ของโลกในตอนนั้นเลยก็ว่าได้ ซึ่งในช่วงเวลานั้นเองที่มีคนเข้ามาพิสูจน์เป็นจำนวนมากอยู่ดีๆได้มีคนหนึ่งที่เขาอ้างตัวว่าเขาได้ถ่ายรูปติดสัตว์ ประหลาดตัวนั้นได้ และเขาก็ได้ตั้งชื่อสัตว์ ประหลาดตัวนั้นที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อกเนสส์นี้ว่า เนสซี ซึ่งภาพเนสซีนี้ได้เป็นที่ฮือฮาและถกเถียงกันอย่างหนาหูมากว่า มันเป็นภาพจริงหรือภาพปลอมซึ่งภาพนี้โด่งดังมากในยุคนั้น และมีการพูดถึงพร้อมกับพิสูจน์กันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
การตรวจสอบของนักวิทยาศาสตร์
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮม ต้องการที่จะพิสูจน์ว่าเนสซีที่อ้างว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อกเนสส์แห่งนี้มีตัวตนอยู่จริงๆหรือเปล่า เขาเลยตั้งทีมงานวิจัยและทีมค้นหาอย่างจริงจังครั้งแรกในวันที่ 9 ตุลาคมปี 1987 ซึ่งจากการวิจัยครั้งนี้พวกเขาได้ใช้เรือติดเครื่องส่งสัญญาณ Sonar ที่ใช้สำหรับสแกนสิ่งมีชีวิตหรือภูมิทัศน์ใต้ท้องทะเล เพื่อที่จะพิสูจน์ว่ามีสิ่งมีชีวิตอะไรขนาดใหญ่อยู่ในพื้นที่ทะเลสาบล็อกเนสส์หรือเปล่า ปรากฏว่าเครื่องส่งสัญญาณ Sonar ของพวกเขาได้เผยให้เห็นเงาวัตถุประหลาดหรือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่ในน้ำด้วย ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นที่ฮือฮาในยุคนั้นมาก แต่เขาก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเงาวัตถุประหลาดหรือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ตรงนั้นมันเป็นเงาอะไรกันแน่ แต่พวกเขารู้เพียงแค่ว่าเครื่อง Sonar ที่เขาใช้จากการค้นหาได้พบเจอกับอะไรสักอย่างหนึ่งที่มีตัวตนจริง ในทะเลสาบนี้ได้นั้นเอง
ไขปริศนาเนสซี
ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีคนที่เชื่อว่าเนสซีมีอยู่จริง และก็มีคนอีกกลุ่มที่เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องราวที่ถูกแต่งขึ้นมา เพื่อที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวในตอนนั้น ทางคนใหญ่คนโตเลยได้ทำการปล่อยข่าวเกี่ยวกับการพบเจอ เนสซีอยู่หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นรูปถ่าย หรือแม้แต่คลิปวิดีโอ และยังตั้งเงินรางวัลให้สำหรับคนที่เจอและพิสูจน์ได้ว่าเนสซีมีอยู่จริง ทำให้ในตอนนั้นผู้คนแห่มาที่ทะเลสาบล็อกเนสส์ เป็นจำนวนมากเพื่อที่จะมาค้นหาเจ้าสัตว์ ประหลาดเนสซีเพื่อชิงรางวัล ต่อมาก็ไม่มีใครพบเจอและได้เงินราววัลไปเลย จนทำให้เรื่องนี้คอยๆเงียบหายไปตามกาลเวลา และข้อมูลอีกอย่างหนึ่งเกี่ยวกับภาพถ่ายภาพแรกที่มีคนอ้างว่าถ่ายได้จากทะเลสาบล็อกเนสส์แห่งนี้ ที่บอกไปข้างต้นเขาก็ได้ออกมายืนยันอีก 1 เสียงว่าภาพที่เขาถ่ายออกมาได้จริงๆแล้วเป็นภาพที่เขาสร้างขึ้นมาจากเรือดำน้ำจำลองของเด็กเล่น ที่เขาทำขึ้นมาเพื่อที่จะสร้างความสนุกสนานให้กับตัวเอง แต่เขาทำขึ้นมาในลักษณะนั้นแล้วเขาไม่คิดว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องใหญ่โตและทำให้คนเข้ามาสนใจเป็นจำนวนมาก เขาเลยไม่กล้าบอกกับคนอื่นและเก็บเรื่องนี้มานานกว่า 60 ปีก่อนที่เรื่องนี้จะถูกเฉลยในปี 1998 ที่ผ่านมานี้เอง
สรุป
สัตว์ ประหลาดแห่งทะเลสาบล็อกเนสส์หรือเนสซี เป็นเพียงเรื่องราวที่คาดว่าน่าจะถูกแต่งขึ้นมาเพื่อที่จะทำให้ผู้คนสนใจ และเพื่อส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวตรงนี้ แต่ก็ยังมีผู้คนที่มีความเชื่อว่าเนสซียังคงมีตัวตนอยู่จริง ที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ ซึ่งตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นชัด กับการพบเจอเนสซีแบบตัวเป็นๆให้เห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว จึงทำให้เรื่องราวของเนสซียังคงเป็นปริศนามาถึงปัจจุบันนี้นั้นเอง
อ่านบทความจบแล้ว อย่าลืมเสี่ยงโชคกับ Lottosod59 เว็บออโต้กระเป๋าเดียวที่ดีที่สุด