เจาะตำนานตึกร้างผีสิง สาธรยูนิคทาวเวอร์

 

เจาะตำนานตึกร้างผีสิง สาธรยูนิคทาวเวอร์

เจาะตำนานตึกร้างผีสิง สาธรยูนิคทาวเวอร์

ถ้าพูดถึงชื่อสาธรยูนิคทาวเวอร์ เชื่อว่าหลายคนก็คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ เป็นหนึ่งในไม่กี่ตึกร้างในกรุงเทพ ที่คนให้ความสนใจมากที่สุดเพราะว่าตึกสาธรยูนิคทาวเวอร์ เป็นตึกใจกลางกรุงเทพที่มีความสูงมากกว่า 40 ชั้น และดูเหมือนว่าภายนอก จะเป็นสถานที่ที่น่าจะมีความสวยงามมากๆ ถ้าหากสถานที่นี้ถูกสร้างเสร็จออกมา แต่มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าในระยะเวลานั้นได้เกิดเหตุการณ์ทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ และเกิดเหตุการณ์หัวหน้างาน ได้ไปทำคดีความที่รุนแรงมากจนทำให้โครงการนี้ ต้องหยุดลงในเวลาต่อมา และถูกทิ้งร้างตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และที่สำคัญคือมันไม่ใช่เพียงแค่ตึกร้างธรรมดา เพราะว่าตึกสาธรยูนิคทาวเวอร์นี้ เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้มีช่างภาพอิสระคนหนึ่ง ได้เข้าไปถ่ายภาพปรากฏว่าเขาได้เจอกับศพชาวต่างชาติได้ผูกคอตายอยู่ในตึกแห่งนี้ด้วย และในบทความนี้จะมาเล่าถึงเรื่องราวต่างๆที่ใครหลายคนพบเจอในตึกนี้ จนได้ชื่อว่าเป็นตึกผีสิงใจกลางกรุงเลยทีเดียว

“คนมีดวง” เว็บข่าวสารดีๆ เสริมความปัง ให้กับทุกๆคน

ประวัติการก่อสร้างตึกสาธรยูนิคทาวเวอร์

ตึกสาธรยูนิคทาวเวอร์ เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน เป็นโครงการคอนโดหรูใจกลางกรุงเทพที่ถูกสร้างขึ้นมา โดยสถาปนิกท่านหนึ่งที่มีชื่อว่า นายรังสรรค์ ต่อสุวรรณ ตึกสาธรยูนิคทาวเวอร์ นี้เป็นคอนโดใจกลางกรุงที่คนในยุคนั้นคาดว่าน่าจะเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์ค ที่ถ้าใครได้ไปอยู่บนจุดสูงสุดของตึกนี้ จะสามารถเห็นกรุงเทพ ได้หมดเลยแบบ 360 องศา และเขาว่ากันว่าตึกนี้น่าจะเป็นตึกที่สวยงามที่สุดในประเทศในยุคนั้นถ้าหากว่าตึกนี้สร้างเสร็จนั่นเอง

 

เหตุการณ์ไม่คาดคิด

หลังจากที่มีโครงการการก่อสร้างสาธรยูนิคทาวเวอร์ได้ประมาณ 2 ปีในปีพุทธศักราช 2535 นาย รังสรรค์ ต่อตระกูล หรือเจ้าของโครงการนี้ ได้ถูกจับกุมในข้อหาจ้างวานฆ่าประธานศาลฎีกา จนทำให้ต้องโทษในคุกเป็นเวลากว่า 25 ปี ทำให้โครงการสาธรยูนิคทาวเวอร์ ต้องหยุดการก่อสร้าง และที่เศร้าไปกว่านั้นคือในช่วงเวลานั้นไม่กี่ปีก็ได้เกิดเหตุการณ์วิกฤตเศรษฐกิจที่โด่งดังที่สุดในโลก คือวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งที่เรารู้จักกันจนทำให้ตึกสาธรยูนิคทาวเวอร์ ต้องทำการหยุดการก่อสร้างและหยุดกิจการทุกอย่างเกี่ยวกับตึกแห่งนี้ไป และถูกทิ้งร้างตั้งแต่อดีตจนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งหลังจากที่ตึกนี้ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลา 5 – 10 ปีสภาพต่างๆของตึกนี้ ก็เริ่มเสื่อมโทรมลงไปตามเวลา ซึ่งทำให้มันดูรกร้างแล้วดูน่ากลัว พอมีตึกร้างก็ทำให้พวกอยากลองของเข้ามาล่าท้าผี หรือแม้แต่คนมาใช้สถานที่ในการมั่วสุมก็มีเช่นกัน และยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่เขาสนใจอย่างจะมาถ่ายรูปในสถานที่แห่งนี้ เพราะว่าตึกสาธรยูนิคทาวเวอร์ นี้มีความสูงมากกว่า 40 ชั้นแล้วเป็นตึกใจกลางกรุงเทพ ถ้าใครได้ขึ้นไปบนดาดฟ้าจะสามารถเห็นวิวกรุงเทพ ได้แบบ 360 องศาเลย เพราะฉะนั้นสถานที่นี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก่อนที่ จะถูกสั่งห้ามไม่ให้คนเข้าไป ได้มีคนหลายคนเข้าไปขออนุญาตถ่ายรูปมุมต่างๆ เยอะแยะมากมายหลังจากที่มีการปล่อยให้คนเข้าไปถ่ายรูปมากขึ้น แล้วก็ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปในตึกสาธรยูนิคทาวเวอร์แห่งนี้มากขึ้น ปรากฏว่าได้มีอยู่หนึ่งครั้งที่มีช่างภาพได้พบศพชาวต่างชาติผูกคอตายอยู่ภายในตึกนี้

เจาะตำนานตึกร้างผีสิง สาธรยูนิคทาวเวอร์

ช่างภาพอิสระ

ในเดือนธันวาคมปี 2557 ได้มีช่างภาพคนหนึ่ง ได้ขึ้นไปบนจุดสูงสุดของสาธรยูนิคทาวเวอร์ เพื่อที่จะไปเก็บภาพแล้วถ่ายภาพบริเวณรอบๆไว้ ซึ่งเขาก็ได้ถ่ายไล่ลงมาตั้งแต่ชั้นบนสุดลงมาเรื่อยๆ จนถึงชั้นล่างและมันจะมีอยู่หนึ่งชั้นที่เขาลงมา และเขาได้กลิ่นเหมือนเป็นกลิ่นซากศพซากสัตว์อะไรสักอย่างหนึ่ง ในตอนแรกเขาคิดว่าน่าจะเป็นศพของหนูเน่าหรือแมวเน่าหรือจะเป็นศพซากสัตว์อะไร ที่น่าจะตายแล้วกลิ่นยังอยู่ในชั้นนี้ เขาก็เลยได้ทำการเดินสำรวจไป ปรากฏว่าพอเดินสำรวจไปสำรวจมาเขากลับพบต้นตอของกลิ่นนี้ และต้นตอของกลิ่นนั้นไม่ใช่ซากสัตว์ แต่เป็นศพของคนที่ผูกคอตายมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน หลังจากที่เขาได้เจอศพตรงนี้เขาก็สติแตก แล้วก็รีบวิ่งลงไปชั้นล่างสุดของตึกหลังจากนั้น เขาทำอะไรไม่ถูกก็เลยได้ตัดสินใจเขียนบทความของตัวเองลงในบอร์ดชุมชนของเว็บพันทิป 

 

ตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่

ขณะที่ตำรวจเข้าตรวจสอบพื้นที่พร้อมช่างภาพคนที่อ้างว่าได้พบเจอศพผูกคอตายในตึกร้างแห่งนี้ แต่พอไปถึงชั้น 40 ไม่มีการพบเจอศพแต่อย่างใดเลย ทำให้ช่างภาพคนนี้เครียดพอสมควร เพราะว่าเขาอาจจะโดนแจ้งข้อหาแจ้งความเท็จก็ได้ แต่เขายังยืนยันกับตำรวจและทีมค้นหาต่อว่า เขาได้พบศพจริงๆยังไงช่วยหาขึ้นไปต่ออีกสัก 2-3 ชั้นได้ไหม ทางทีมกู้ภัยแล้วก็ตำรวจ เขาก็ได้ทำตามคำขอนั้น ปรากฏว่ามันก็เป็นผลอย่างที่ต้องการ เพราะว่าในชั้นที่ 43 ชั้นสุดท้ายที่เขากำลังค้นหา เขาได้ขึ้นไปและได้พบศพจริงๆ แต่การพบศพในครั้งนี้มันไม่ธรรมดา เพราะเขาได้บอกไว้ว่าก่อนที่เจ้าหน้าที่ทุกคน จะได้พบศพในชั้น 43 ปรากฏว่าไม่มีกลิ่นศพไม่มีกลิ่นเน่าหรือไม่มีกลิ่นอะไรเลยแต่พอพวกเขาได้เห็นศพเท่านั้น อยู่ดีๆกลิ่นเน่าต่างๆ ก็ได้ฟุ้งกระจายออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเป็นสิ่งเหนือธรรมชาติที่เขาไม่สามารถหาคำตอบได้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเลย และหลังจากที่ได้มีการพบศพของคนนี้ เขาก็ได้มีการนำศพออกจากตึกร้างแห่งนี้และก็ได้เป็นข่าวโด่งดังออกไปทุกช่องว่าเป็นตึกร้างที่มีผู้เสียชีวิตเป็นตึกที่มีผีเป็นตึกที่มีสิ่งลี้ลับต่างๆมากมาย จนทำให้คนสนใจตึกนี้เข้าไปใหญ่ เลยทำให้คนที่ต้องการลองของต้องการที่จะพิสูจน์เกี่ยวกับเรื่องผี เข้ามาบุกตึกนี้มากขึ้น จนสุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้คนเข้ามาในตึกด้วยเหตุผลที่ว่าตึกนี้เก่ามากกว่า 20 ปีแล้ว ถ้าเข้าไปอาจจะเกิดอันตรายได้ และตึกนี้ไม่มีรั้วกั้นเป็นเพียงตึกที่โบกปูนไว้เป็นพื้นเป็นชั้นชั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าเกิดอุบัติเหตุหรืออะไรขึ้นมาเจ้าของตึกหรือเจ้าของพื้นที่แห่งนี้ก็ต้องรับผิดชอบ ฉะนั้นแล้วเขาเลยทำการปิดการเข้าตึกตรงนี้นั่นเอง

 

สรุป 

ตึกร้างสาธรยูนิคทาวเวอร์ เป็นตึกที่ถูกสร้างอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพ แต่ด้วยเหตุการณ์หลายอย่าง ทำให้ตึกนี้สร้างไม่เสร็จ และต่อมาก็กลายเป็นตึกร้างจนมีคนเข้ามาเที่ยว หรือแม้แต่วัยรุ่นก็ได้เข้ามาทำการมั่วสุมกันอย่างมากมาย จนมีเหตุการณ์ที่มีชาวต่างชาติผูกคอตายภายในตึก จนเป็นข่าวโด่งดังมาก เลยทำให้ตึกนี้ถูกปิดและไม่ให้ใครเข้าไปในตึกนี้อีกเลย เพราะด้วยความปลอดภัยของคนที่เข้าไปภายในตึกด้วย จนปัจจุบันตึกนี้ก็ถูกเรียก และเล่าต่อกันมาว่าเป็นตึกร้างผีสิงที่อยู่ใจกลางกรุงเทพนั้นเอง

อ่านบทความจบแล้ว อย่าลืมเสี่ยงโชคกับ Lottosod59 เว็บออโต้กระเป๋าเดียวที่ดีที่สุด