สะสมแต้มบุญที่ วัดสระกำแพงใหญ่ จ.ศรีสะเกษ 

สะสมแต้มบุญที่ วัดสระกำแพงใหญ่ จ.ศรีสะเกษ 

สะสมแต้มบุญที่ วัดสระกำแพงใหญ่ จ.ศรีสะเกษ 

จังหวัดศรีสะเกษนอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องของทุเรียนภูเขาไฟ หอมกระเทียมแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วัดวาอารามที่งดงามอยู่มากมาย อีกทั้งยังมีโบราณสถานที่มีอายุยาวนานกว่าพันปีนั้นก็คือ ปราสาทวัดสระกำแพงใหญ่ ตั้งอยู่ภายในวัดสระกำแพงใหญ่ เป็นวัดที่พุทธศาสนิกชนให้ความเคารพนับถือ นิยมไปกราบไหว้ธรรมบุญ เนื่องจากวัดแห่งนี้เคยมีเกจิอาจารย์ของทางภาคอิสานเป็นเจ้าอาวาสนั้นก็คือ หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท และมีพระนาคปรกปูชนียวัตถุอีกด้วย

ยังมีอีกหลายเรื่องราว การทำบุญ สะสมบุญ “คนมีดวง” เว็บข่าวสารดีๆ เสริมความปัง ให้กับทุกๆคน

 

สะสมแต้มบุญที่ วัดสระกำแพงใหญ่ จ.ศรีสะเกษ 

ข้อมูลทั่วไป

วัดสระกำแพงใหญ่ ตั้งอยู่ในตำบลกำแพง อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย เนื้อที่วัดทั้งสิ้น 16 ไร่ 63 ตารางวา วัดถูกตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2368 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2527 ภายในวัดสระกำแพงใหญ่มีปราสาทหินวัดสระกำแพงใหญ่ มีปราสาท 6 หลังอยู่ภายในกำแพงที่สร้างด้วยหินศิลาแลงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 60 เมตร ยาว 80 เมตร คาดว่าถูกสร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 วัดมีเกจิอาจารย์คือ พระมงคลวุฒ หรือที่คนในพื้นที่เรียกกันว่า “หลวงปู่เครื่อง สุภทฺโท” ท่านได้พัฒนาวัดให้เจริญก้าวหน้า สิ่งก่อสร้างภายในวัดหลายอย่าง เช่น กุฏิ วิหาร เมรุเผาศพ กำแพงวัด ศาลาการเปรียญ ซุ้มประตู และสิ่งอื่น ๆ สร้างขึ้นในสมัยของหลวงปู่เครื่องทั้งสิ้น ปูชนียวัตถุที่สำคัญของวัดสระกำแพงใหญ่ คือ พระพุทธรูปปางนาคปรกสร้างด้วยหินเขียวสวย ที่มีอายุมากกว่า 1,000 กว่าปี เป็นศิลปะเขมรแบบบาปวน 

สะสมแต้มบุญที่ วัดสระกำแพงใหญ่ จ.ศรีสะเกษ 

ปราสาทสระกำแพง 

เป็นปราสาทขอมที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดในจังหวัดศรีสะเกษ ถือว่าเป็นหนึ่งในอู่อารยธรรมแห่งประวัติศาสตร์ เป็นโบราณสถานที่มีอายุยาวนานกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นในศาสนาฮินดู และศาสนาพุทธแบบมหายานเพื่อเป็นที่ประดิษฐานเทวรูป แม้จะยังไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัดว่า ปราสาทวัดสระกำแพงสร้างขึ้นมาในสมัยใดหรือศักราชใด ถึงแม้ภายหลังจะพบจารึกที่โบราณสถานแห่งนี้ ข้อความในจารึกกล่าวถึงการซื้อที่ดินถวายแก่เจ้านายผู้ล่วงลับคือ “กมรเตงชคตศรีพฤทเธศวร” ปี พ.ศ. 1585 ที่ปรากฏในจารึกไม่ใช่ปีที่สร้างปราสาท ซึ่งระยะดังกล่าวในกัมพูชาเป็นสมัยที่พระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 ครองราชย์ แต่พระองค์ก็มิได้เป็นผู้สร้างปราสาทแห่งนี้ จากข้อมูลการศึกษาลาดลายต่าง ๆ ทางด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม กล่าวได้ว่าปราสาทสระกำแพงใหญ่น่าจะมีอายุอยู่ในศิลปะเขมรแบบคลังต่อปาปวน หรือประมาณกลางพุทธศตวรรษที่ 16 ถึงพุทธศตวรรษที่ 16 ตอนปลาย เป็นศาสนสถานแบบเขมร ทั้งในด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม รวมทั้งความเชื่อในการนับถือศาสนาจากหลักฐานที่ปรากฏสันนิษฐานว่าเดิมสถานที่แห่งนี้เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู โดยดูจากทับหลังที่สลักภาพบุคคลเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวข้องกับความเชื่อในศาสนาฮินดู แต่ในภายหลังที่พระพุทธศาสนาเข้ามามีอิทธิพลในดินแดนแถบนี้จึงเปลี่ยนเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธ เนื่องจากได้ขุดพบพระพุทธรูปนาคปรกปางสมาธิ สูง 1.33 เมตร ปราสาทวัดสระ กำแพงใหญ่ มีลักษณะเป็นปรางค์สามองค์ที่ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เรียงกันในแนวทิศเหนือไปทิศใต้ โดยมีปรางค์ประธานอยู่ตรงกลางก่อขึ้นด้วยหินทรายมีอิฐแซมบางส่วน  ทับหลังของปรางค์ประธานมีจำหลักภาพของพระอินทร์ทรงช้างบนแท่นเหนือหน้ากาล ปรางค์สององค์ที่เหลือถูกสร้างขึ้นด้วยอิฐ ส่วนประกอบตกแต่งด้วยทราย เช่น ทับหลัง กรอบหน้าบันได กรอบเสาประตูด้านหลัง ปรางค์องค์ทิศใต้มีปรางค์ก่ออิฐอีก 1 องค์ ในส่วนด้านหน้ามีวิหารก่ออิฐสองหลัง ล้อมรอบด้วย ระเบียงคต มีโคปุระหรือประตูซุ้มทั้งสี่ ภายในบริเวณปราสาทมีการขุดพบโบราณวัตถุจำนวนมาก เช่น พระพุทธรูปนาคปรก ทับหลักจำหลักลวดลาย พระพิมพ์ดินเผา ประติมากรรมทวารบาลสำริด พระพุทธรูปปางสมาธิ 

สะสมแต้มบุญที่ วัดสระกำแพงใหญ่ จ.ศรีสะเกษ 

หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดสระ กำแพงใหญ่

“พระมงคลวุฒิ” หรือ หลวงปู่เครื่อง สุภัทโท เจ้าอาวาสวัดสระ กำแพงใหญ่ อุปสมบท เป็นพระภิกษุเพื่อศึกษาพระธรรมเมื่ออายุ 21 ปี ที่วัดบ้านสำโรงน้อย หมู่ 6 ตำบลหนองห้าง อำเภออุทุมพรพิสัย โดยมีพระครูเทวราชกวิวรญาณเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูใบฎีกาชมเป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์พรหมเป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงปู่ได้รับฉายาว่า “สุภัทโท” มีความหมายว่า “ผู้ประพฤติงาม” เมื่อปี พ.ศ. 2494 หลวงปู่เครื่องได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสรูปที่ 7 ต่อจากพระอุปัชฌาย์คำ จันทโชโต เมื่อหลวงปู่เครื่องดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านได้จัดตั้งโรงเรียนสอนทางปริยัติธรรม นักธรรมชั้นตรี โท เอก และบาลีไวยากรณ์ ธรรมบทขึ้น รวมไปถึงหลวงปู่ยังเป็นประธาน มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สถาบันอุดมศึกษาสำหรับพระภิกษุสงฆ์ ก่อสร้างแห่งแรกในจังหวัดศรีสะเกษ ตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่เครื่องยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ทำนุบำรุงพัฒนาวัดให้เจริญก้าวหน้า สิ่งก่อสร้างภายในวัดไม่ว่าจะเป็นกุฏิ วิหาร เมรุ กำแพงวัด ศาลาการเปรียญ  ซุ้มประตู ล้วนแต่สร้างขึ้นในสมัยหลวงปู่เครื่องเป็นเจ้าอาวาส ด้วยเหตุนี้ชาวเมืองศรีสะเกษต่างพร้อมใจกันขนานสมญานามให้ท่านว่า “เทพเจ้าผู้มีเมตตาแห่งอีสานใต้”

สะสมแต้มบุญที่ วัดสระกำแพงใหญ่ จ.ศรีสะเกษ 

พระนาคปรกปูชนียวัตถุที่สำคัญของวัดสระ กำแพงใหญ่

อยู่มาวันหนึ่งเมื่อหลวงปู่เครื่องหลับตาเพื่อพักผ่อนและได้ตั้งสมาธิด้วยสติที่มั่นคงแล้วได้เกิดนิมิตปรากฏเห็นหลวงพ่อนาคปรกประดิษฐานอยู่ภายในหน้าเจดีย์ปราสาทหลังกลาง มีแสงสีทองเปล่งปลั่งรัศมีส่องแสงรุ่งโรจน์โชตนาตามบริเวณกำแพง  เมื่อในยามเช้าวันรุ่งขึ้นหลวงปู่และสามเณรน้อยองค์หนึ่ง ได้เตรียมเครื่องมือจอบ เสียบ นึกดีใจว่าคงจะเป็นพระทองคำธรรมชาติแน่นอน เมื่อลงมือขุดหลวงปู่ก็รีบขุดโดยที่ไม่ได้ระมัดระวังอะไร พอถึงจุดที่หลวงปู่นิมิตเห็นก็รู้สึกเหมือนขุดโดนอะไรสักอย่างจนเสียงดังลั่น เมื่อเอามือลงไปจับดูปรากฏว่ามีสะกิดเหมือนงู พอขุดลึกลงไปอีกนิดหลวงปู่ก็ได้พบกับองค์หลวงพ่อนาคปรก กลายเป็นพระศิลาทรายอย่างละเอียดลออ จึงได้พร้อมกันยกขึ้นมาจากมูลดินแล้วเอามาตั้งไว้ที่บริเวณภายในกำแพง ทำให้ข่าวใหญ่บุคคลมากมายทุกทิศได้หลั่งไหลกันมาชมมาดู หลวงปู่ได้ตั้งพระนาคปรกตากแดดตากฝนไว้ได้ 3 เดือน และในเวลาต่อมาได้มีเด็กคนหนึ่งเอาชอล์กไปขีดเขียนด้านหลังหลวงพ่อนาคปรก เมื่อเวลากลับไปถึงบ้านตกกลางดึกเด็กคนนั้นรู้สึกมีอาการแปลกๆ พูดไม่รู้เรื่อง ร้องห่มร้องไห้ 

พ่อแม่จึงได้ไปปรึกษาหมอดู หมอดูจึงได้บอกว่าเด็กคนนั้นเอาชอล์กไปขีดเขียนพระนาคปรก เพราะพระเดชาภาพหลวงพ่อนาคปรกได้เข้าไปสิงกาย ให้พ่อแม่เอาดอกไม้ธูปเทียน มาขอขมาโทษ หลังจากนั้นเด็กก็หายวันหายคืน ด้วยเหตุนี้ชาวพุทธทั้งหลายที่ได้เห็นพระเดชพระคุณอภินิหารอิทธิฤทธิ์ หลวงปู่เครื่องและประชาชนมีความศรัทธาหวงแหน เกรงจะถูกโจรกรรม จึงได้จัดสร้างหอพระสูงสง่างามภายในบริเวณวัด สระกำแพงใหญ่ เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อนาคปรก ท่านนายอำเภอพวง ศรีบุญลือ พร้อมด้วยคณะสงฆ์และข้าราชการครู พ่อค้า ประชาชน จึงได้เริ่มจัดทำบุญกุศล มีงานเทศกาลประจำปีปิดทองเพื่อฉลองพระเดชพระคุณหลวงพ่อนาคปรกตลอดทุกปี

 

สรุป 

วัดสระ กำแพงใหญ่ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นวัดที่พุทธศาสนิกชนนิยมมากราบไหว้ ทำบุญ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ภายในวัดยังมีปราสาทสระกำแพงที่มีศิลปะแบบขอมโบราณ และสถาปัตยกรรมอื่นๆให้คนที่ไปยังวัดได้เยี่ยมชม

สุดท้ายนี้ ขอแนะนำสิ่งดีๆ ที่จะช่วยสร้างโชคลาภให้ทุกท่าน Lottosod59 เว็บออโต้กระเป๋าเดียวที่ดีที่สุด