วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว วัดเรืองแสง จ.อุบลราชธานี
หากจะพูดถึงการท่องเที่ยวสุด Unseen ในจังหวัดอุบลราชธานี หลายคนคงนึกถึงประเพณีการแห่เทียนพรรษาที่จัดยิ่งใหญ่ตระการในทุกปี แต่นอกจากการแห่เทียนพรรษาแล้วยังมีอีกหนึ่งสถานที่ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดอุบลราชธานี นั้นก็คือ วัดเรืองแสง หรือ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว นอกจากสายบุญจะได้มาทำบุญกราบไหว้ขอพรแล้ว ยังจะได้ชมความงามของต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสงอีกด้วย
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว วัดเรืองแสง จ.อุบลราชธานี
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว ตั้งอยู่ตำบลช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี คนส่วนใหญ่จะเรียกว่า วัดภูพร้าว หรือ วัดเรืองแสง ตามลักษณะอุโบสถ เมื่อพ.ศ. 2495 – 2498 พระอาจารย์บุญมาก ฐิติปัญโญ ท่านได้เดินทางจากประเทศลาวมาพักปักกลดที่ภูพร้าวแห่งนี้และท่านได้ขอบิณฑบาตพื้นที่แห่งนี้เพื่อสร้างเป็นวัดขึ้นสร้าง”วัดภูพร้าว” มีเนื้อที่สร้างวัดประมาณ 500 ไร่ พระอาจารย์บุญมากได้เดินทางกลับไปยังวัดภูมะโรง เมืองจำปาสัก ประเทศลาวในพ.ศ. 2516 – 2517 เนื่องจากเกิดความไม่สงบทางการเมืองของประเทศ จากนั้นท่านก็มรณภาพลงเมื่อปี 2524 ที่วัดภูมะโรง สิริอายุ 72 ปี ทำให้วัดภูพร้าวที่ท่านสร้างขึ้นถูกปล่อยร้างเรื่อยมา ต่อมาในปีพ.ศ. 2535 วัดภูพร้าว ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดสิรนธรวราราม” เนื่องจากอำเภอสิรินธรได้แยกตัวออกจากอำเภอพิบูลมังสาหาร จึงได้เปลี่ยนชื่อตามชื่ออำเภอ จน พ.ศ. 2542 ได้มีเจ้าอาวาสและผู้บูรณะพัฒนาแห่งวัดภูหล่น ตำบลสงยาง อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี นั้นก็คือ พระครูกมลภาวนากร ท่านได้เข้ามาบูรณะวัดจนได้รับอนุญาตตั้งวัดเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2545 ในนาม “วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว” โดยมีมีเนื้อที่วัดทั้งหมด 15 ไร่ และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 ท่านพระครูกมลภาวนากร ได้เล่าถึงชื่อเขาแห่งนี้ว่า ด้วยเหตุใดจึงได้ชื่อว่า ภูพร้าว เนื่องมาจากว่า เมื่อก่อนพื้นที่บริเวณแห่งนี้ก่อนจะสร้างวัด มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และมีความพิเศษ คือ มีหินที่มีลักษณะคล้ายลูกมะพร้าวอยู่เต็มไปหมด เมื่อทุบออกมาจะมีฝุ่นหรือเม็ดหินใส ๆ แวววาวส่องประกายระยับคล้ายเพชรพลอย ชาวบ้านจึงเชื่อว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์ เป็นมะพร้าวที่ฤาษีทำเอาไว้ เมื่อมีเกิดโรคภัยในหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงได้มานำหินนี้ไปรักษาโรคภัย ทำให้เขาลูกนี้มีชื่อว่า “ภูพร้าว” นั่นเอง แต่ต่อมาหินศักดิ์สิทธิ์ก็ได้หมดไป เนื่องจากชาวบ้านเก็บไปขายจนหมด
ไฮไลท์วัด สิรินธรวรารามภูพร้าว
- อุโบสถวัดสิรินธรารามภูพร้าว
เป็นอุโบสถที่มีต้นแบบมาจากวัดเชียงของ ประเทศลาว เป็นอุโบสถที่มีความสวยงามเป็นอย่างมาก อุโบสถมีความกว้างมากกว่า 1 เท่า และความยาวมากกว่า 2 เท่า เสาแต่ละต้นเขียนภาพลงลวดลายด้วยมือ ทำให้เห็นได้ถึงความพิถีพิถันในการสร้างลวดลาย รอบนอกเป็นลายดอกบัวและสัตว์ทั้งหลายตามคติบัว 4 เหล่า ส่วนด้านทางเข้าเป็นต้นสาละ เขยิบเข้ามาเป็นต้นมะขามป้อม ต้นสมอ และด้านในสุดเป็นต้นโพธิ์ ซึ่งอยู่ทางด้านหลังของพระประธาน
- ต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง
เป็นผลงานการออกแบบของช่างคณากร ปริญญาปุณโณ เป็นผู้ที่ใช้ไอเดียนำสารเรืองแสง ฟอสเฟอร์ (Phosphor) ทาลงไปที่ต้นกัลปพฤกษ์ เดิมพระประธานเป็นองค์พระพุทธชินราช แต่ช่างคณากรได้ออกแบบใหม่โดยถอดรัศมีและพระเกตุมาลาออก จากนั้นก็นำไปแกะสลักไม้เป็นต้นโพธิ์และนำไปวางอยู่ด้านหลังพระประธาน ด้านหลังพระอุโบสถ สารฟอสเฟอร์ จะเรืองแสงทำให้ต้นกัลปพฤกษ์ปรากฏสีเขียวเรืองแสงเมื่อถึงยามกลางคืน ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือคือ เวลา 18.00-20.00 น. ซึ่งคุณสมบัติของสารฟลูออเรสเซนต์จะรับแสงพระอาทิตย์ในตอนกลางวัน แล้วจะฉายแสงคายพลังงานออกมาออกมาในตอนกลางคืน ทำให้วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อ “วัดเรืองแสง”
สิ่งก่อสร้างสำคัญ วัดสิรินธร วรารามภูพร้าว
- อนุสรณ์เจดีย์พระอาจารย์บุญมาก ฐิติปัญโญ
- พระประธาน อุโบสถ
- อนุสรณ์เจดีย์พระครูกมลภาวนากร (สีทน กมโล)
- สระน้ำใช้ในเขตสงฆ์
- ศาลาการเปรียญ โรงครัว
- อ่างเก็บน้ำกมโล ภิกขุ ขนาดประมาณ 40 ไร่
- ฝายชะลอน้ำ ด้านเชิงเขาตะวันออก ได้ความยาวร่องน้ำประมาณ 1 กิโลเมตร
การเดินทาง
เดินทางจากตัวอำเภอสิรินธรไปทางช่องเม็ก จะเจอที่กลับรถก่อนถึงช่องเม็กประมาณ 2 กิโลเมตร ให้ท่านสังเกตด้านซ้ายมือจะเห็นป้ายวัด สิรินธรวรารามภูพร้าว หลังจากนั้นจึงเลี้ยวซ้ายขึ้นเขาประมาณ 2 กิโลเมตร
สรุป
วัดสิรินธร วรารามภูพร้าว วัดเรืองแสง จ.อุบลราชธานี เป็นอีกหนึ่งสถานที่หากได้เดินทางมายังจังหวัดอุบลราชธานี ต้องห้ามพลาดที่จะมาชมปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ ณ วัดเรืองแสงแห่งนี้ เพราะนอกจากจะอิ่มบุญแล้ว ยังอิ่มใจที่ได้ชมความสวยงามของประติมากรรมอีกด้วย
อย่าลืมติดตามข่าวสารดีๆจาก คนมีดวง อัพเดตข่าวสารสำหรับสายมู