ยักษ์โอนิ ตามตำนานความเชื่อ ฉบับชาวญี่ปุ่น
ยักษ์โอนิ ปีศาจร้ายตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา จะมีรูปร่างหน้าตา และมีตำนานความเชื่ออะไรบ้าง ตามไปดูในบทความนี้กันเลยค่ะ
ยังมีเรื่องเล่าอีกมากมายที่รอให้คุณด้พิสูจน์ ซึ่งสามารถติดตามได้ที่ คนมีดวง เว็บข่าวสารดีๆเสริมความปังให้กับทุกๆคน
ที่มาและลักษณะรูปร่างของยักษ์โอนิ
โอนิ ตามความเชื่อของพุทธศาสนาสมัยเฮอัน หมายถึงปีศาจที่มีรูปร่างใหญ่โต เหมือนยักษ์ที่อยู่ในขุมนรก ยักษ์โอนิมีหน้าตาคล้ายกับมนุษย์แต่รูปร่างนั้นสูงใหญ่ ถึงจะมีหน้าตาคล้ายแต่ยักษ์โอนิมี 3 ตา มีเขา เขี้ยว และมีเล็บที่แหลมคม ผิวหนังทั้งตัวเป็นสีแดง นุ่งหนังเสือ ในมือถือคะนะบุคือกระบองอันใหญ่ เป็นอาวุธที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของยักษ์โอนิ
ความเชื่อเกี่ยวกับยักษ์โอนิ
ยักษ์โอนิ ได้รับอิทธิพลมาจากจีนผสมกับความเชื่อทางพุทธศาสนาในเรื่องของยักษ์และความเชื่อว่า ทิศตะวันออกเฉียงเหนือคือทิศของปีศาจ หรือที่เรียกว่า ‘‘คิม่อน’’ เป็นเส้นทางของปีศาจและภูตผีมีความไม่เป็นมงคล และยักษ์โอนิสามารถเหาะบินกลางอากาศได้ อีกทั้งยังคอยจับกินดวงวิญญาณที่กำลังใกล้ตาย
และยังมีความเชื่อว่ายักษ์โอนิจะนำความโชคร้าย โรคระบาด หรือแม้แต่หายนะมาสู่ผู้คนได้ และมักจะอาศัยอยู่ตามภูเขา ป่าทึบ ที่ห่างไกลจากสังคม ในอดีตเชื่อว่าสิ่งที่สามารถป้องกันยักษ์โอนิได้คือลิง และต้นโฮลลี่ ชาวบ้านในสมัยนั้นจึงนิยมปั้นรูปลิง กับปลูกต้นโฮลลี่ไว้หน้าบ้าน
ยักษ์โอนิประเภทต่างๆ
ยักษ์โอนิ นอกจากจะหมายถึงยักษ์ที่มีรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าดุร้ายสีแดงก่ำ เพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ยังหมายถึงเหล่าปีศาจ วิญญาณร้ายได้ด้วย
- ยักษ์โอนิปีศาจ มีพลังวิเศษจะคอยอำพรางรูปร่างของตนเอง มีรูปร่างที่ไม่แน่นอนแต่มีความสยดสยอง แต่ก็ยังมีภาพเขียนที่บอกถึงลักษณะของโอนิประเภทนี้ คือมีรูปร่างที่ประหลาด หน้าตาสยดสยอง ในภาพวาดก็มีความแตกต่างกันออกไปเนื่องจากไม่สามารถบุตัวตันของยักษ์ประเภทนี้ได้ แต่ภาพวาดจะมีความเหมือนกันตรงที่จับมนุษย์ไปกินเป็นอาหาร
- ยักษ์โอนิวิญญาณอาฆาต มีรูปร่างที่น่าหวาดกลัว หากเมื่อใดผู้ที่มีจิตใจเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาเครียดแค้น มีความเชื่อว่าเมื่อตายไปดวงวิญญาณผู้นั้นจะกลายเป็นยักษ์โอนิวิญญาณอาฆาต เชื่อว่ายักษ์โอนิประเภทนี้เป็นภัยอันตรายกับมนุษย์เป็นอย่างมาก
- ยักษ์โอนิ ที่คนนับถือเป็นเทพเจ้า ยักษ์โอนิประเภทนี้มีดวงตาเพียงดวงเดียว คำว่า โอนิ สามารถอ่านได้อีกแบบว่า “คามิ” หรือ “ชิโคะ” ที่แปลว่า เทพเจ้า ในอดีตคนญี่ปุ่นเชื่อว่า ภูเขา ต้นไม้ มีเทพเจ้าอาศัยอยู่ แม้จะรู้ว่ามียักษ์โอนิก็อาศัยอยู่ในภูเขา แต่หากไม่ทำร้ายผู้คนก็จะเชื่อว่าเป็นเทพเจ้าที่คอยปกปักรักษาภูเขาและต้นไม้แห่งนั้น ดังนั้นจึงมีความเชื่อว่า ยักษ์โอนิ คือยักษ์ที่ได้รับการยกย่องและได้รับการกราบไหว้ในฐานะเทพเจ้าที่คอยรักษาต้นไม้และภูเขาให้พ้นจากภยันตรายต่างๆ
เทศกาลขับไล่ยักษ์โอนิ
ในปัจจุบันแม้บางพื้นที่ในประเทศญี่จะมีความเชื่อว่ายักษ์โอนิ คือเทพเจ้าขับไล่สิ่งชั่วร้าย แต่ในบางที่ก็ยังเชื่อว่ายักษ์โอนิคือปีศาจร้าย จึงได้มีเทศกาลขับไล่ยักษ์โอนิขึ้นนั้นก็คือ ‘‘เทศกาลเซะสึบัง’’ ที่จะเริ่มขึ้นเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ คนญี่ปุ่นมีความเชื่อว่าเมื่อฤดูการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะช่วงฤดใบไม้ผลิจะเป็นช่วงที่ยักษ์โอนินำสิ่งชั่วร้าย ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาด โชคร้าย ภัยพิบัติ ความทุกข์ยากแห้งแล้ง คนญี่ปุ่นจึงได้จัดเทศกาลขับไล่นี้ขึ้นมา โดยจะใช้มาเมะมากิหรือการปาถั่วเพื่อขับไล่ เพราะเชื่อว่าถั่วนั้นมีพลังวิเศษขับไล่สิ่งชั่วร้ายได้ คนในหมู่บ้านจะเปิดประตูหน้าต่าง และพูดคำว่า ‘‘โอนิวะ โซโตะ ฟุกุวะอุจิ’’ มือก็จะปาถั่วไปด้วย มีบางคนที่รับสวมบทเป็นยักษ์โอนิโดยการใส่หน้ากากให้ชาวบ้านปาถั่วใส่แล้ววิ่งหนี
ในปัจจุบันวัดที่ยังจัดเทศกาลเซะสึบังอยู่ ก็จะมี วัดเซ็นโซจิ ที่อาซากุสะ วัดนาริตะซัน ที่จังหวัดชะบะ วัดฮงมงจิ จะมีการแสดงคาบูกิและมีนักมวยปล้ำมาแสดงทุกปี
สรุป
ยักษ์โอนิ ตามตำนานความเชื่อ ฉบับชาวญี่ปุ่น แม้ในบางพื้นจะมีการยกย่องยักษ์โอนิให้เป็นเทพเจ้าที่ปกปักรักษาภูเขา ขับไล่สิ่งชั่วร้าย แต่ในบางพื้นที่ก็ยังมีความเชื่อว่ายักษ์โอนิคือความชั่วร้ายที่ต้องขับไล่ จนเกิดเป็นเทศกาลประจำฤดูใบไม้ผลิขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน หากท่านใดมีโอกาสได้ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก็อย่าลืมหาโอกาสไปเที่ยวเทศกาลปาถั่วขับไล่ยักษ์โอนิ กันด้วยนะคะ
อ่านบทความจบแล้วอย่าลืมเสี่ยงโชคกับ Lottosod59 เว็บออโต้กระเป๋าเดียวที่ดีที่สุด