ตำนานพระแก้วมรกต ตามรอยการเดินทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง

ตำนานพระแก้วมรกต ตามรอยการเดินทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง

ตำนานพระแก้วมรกต ตามรอยการเดินทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง

ตำนานพระแก้วมมรกต ตามรอยการเดินทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง หากจะกล่าวถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเราคงไม่มีชื่ออื่นไปนอกจากพระแก้วมรกต ที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระศรีรัตนศาสนาราม พระบรมมหาราชวังในปัจจุบัน แต่รู้หรือไม่ ก่อนที่จะรวมเป็นประเทศไทยนั้น พระแก้วมรกต เดินทางไปหลายที่มาก วันนี้เราจะพาทุกท่านไปตามรอยการเดินทางของพระแก้วมรกต และ ตำนานพระแก้วมรกตกันครับ 

คนมีดวง เว็บข่าวสารดีๆ เสริมความปัง ให้กับทุกๆคน

ข้อมูลพอสังเขป 

พระแก้วมรกต หรือ พระพุทธมหามณีรัตนะปฏิมากรเป็นพระพุทธรูปศิลปะก่อนเชียงแสนจนถึงเชียงแสนปางสมาธิ มีความกว้าง 48.3 เซนติเมตร ความสูง 66 เซนติเมตร แกะสลักจากหยกอ่อนเนไฟรต์สีเขียวดุจดั่งแก้วมรกต

ตำนานพระแก้วมรกต ตามรอยการเดินทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง

ตำนานพระแก้วมรกต  

ตำนานพระแก้วมรกต มีการสร้างดังนี้ในบันทึกแนบท้าย ของพระราชพงศาวดารฉบับเมืองเหนือ ระบุไว้ว่า ตำนานการสร้างพระแก้วมรกตนั้น ถูกสร้างขึ้นโดยพระนาคเสนเถระ วัดอโศการาม กรุงปาฏลีบุตรหลังจากที่พระพุทธเจ้าสิ้นไปแล้ว 500 ปี สิ่งที่พระนาคเสนเถระตั้งใจไว้นั้นคือ ต้องการที่จะสร้างพระพุทธรูปให้สืบต่อพระพุทธศาสนาไปจนถึง 5000 ปีพระพุทธศักราช จึงได้คิดว่าจะนำวัสดุใดมาสร้างองค์พระปฏิมา หากใช้วัสดุเป็นไม้จะอยู่ไม่ถึง 5000 ปี แต่หากเป็นเหล็กแล้วนั้น อาจจะโดนหลอมเมื่อมีคนจะทำลาย หากใช้หิน ก็กลัวจะเป็นเหมือนพระพุทธรูปธรรมดา จึงตกลงปลงใจว่าจะใช้แก้วมณี แต่ยังไม่ได้ปลงใจว่าจะเป็นแก้วมณีชนิดใด เมื่อรู้ดังนั้น พระอินทร์และพระวิสสุกรรมเทพบุตรจึงแปลงกายมาเป็นมานพหนุ่มพร้อมกราบนมัสการพระนาคเสนแล้วกล่าวว่าตนทั้งสองนั้นเป็นพ่อค้าเดินทางท่องไปหลายที่จนได้ไปพบเข้ากับแก้วรัตนโสภณมณีโชติ สีแดงสุกใสอยู่ที่เขาเวฬุบรรพต ณ ที่ห่างไกลคิดว่าเป็นแก้วที่เหมาะในการนำมาสืบพระพุทธศาสนาให้จรดถึง 5000 ปี เดี๋ยวตนทั้งสองจะไปนำมาให้ ว่าแล้วทั้งสองก็กราบลาพระนาคเสน เมื่อเดินทางมาถึงเขาเวฬุบรรพต พระอินทร์จึงโปรดให้พระวิสสุกรรม เข้าไปนำแก้รัตนโสภณมณีโชติมา แตต่พระวิสสุกรรมไม่สามารถนำมาได้จึงกราบทูลว่า ยักษ์ผู้เฝ้ารักษาแก้วนั้นไม่ให้ พระอินทร์จึงเสด็จไปด้วยพระองค์เอง ยักษ์ก็ไม่มอบให้โดยกราบทูลว่า แก้วนี้เป็นแก้วคู่บุญบารมีของพระบรมศุลีจอมไกรลาส เป็นแก้วที่จัดให้หมวดชั้นมหาจักพรรดิ ไม่สามารถถวายให้ได้จริงๆแต่ถ้าต้องการที่จะนำไปสืบพระศาสนา พวกยักษ์จึงมอบแก้วโลกาทิพยรัตตนายก อันมีรัตนายกดิลกเฉลิม 1000ดวงมีลักษณะสีเขียวทึบแทน เมื่อได้มาแล้วจึงนำไปมอบให้พระนาคเสน และพระวิษณุกรรมจำแลงแปลงกายลงมาจำหลักพระพุทธรูปองค์นี้ดังประสงค์ มีลักษณะงดงามตามประสงค์ของพระนาคเสน แล้วเสร็จ อุบาสกอุบาสิกาจึงร่วมกันสร้างพระมหาวิหารเพื่อประดิษฐาน พร้อมอัญเชิญพระแก้วขึ้นสู่รัตนบัลลังก์พร้อมถวายพระนามแรกว่า พระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต

ตำนานพระแก้วมรกต ตามรอยการเดินทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ คู่บ้านคู่เมือง

การเดินทางของพระแก้วมรกต   

หากดูตามหลักฐานต่างๆแล้ว รัชการที่ 4 ทรงมีพระราชดำริว่า ตำนาน พระแก้วมรกตที่กล่าวถึงการสร้าง นั้นไม่ถูกต้อง เพราะศิลปะนั้น เป็นของสกุลช่างโยนก หาใช่ช่างสกุลอินเดียไม่ และหากจะกล่าวถึงการเดินทางของพระแก้วมรกตที่ยังคงมีหลักฐานในปัจจุบันนั้นมีดังนี้

  • พบครั้งแรก 

เมื่อปี พ.ศ. 1979 มีเหตุการณ์ฟ้าผ่าลงที่องค์พระเจดีย์ ณ วัดป่าเหี้ยะ จังหวัดเชียงราย ปรากฏพบว่าด้านในเจดีย์มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ ทางวัดจึงนำมาไว้ที่ศาลาวัด เมื่อโดนลมโดนแดดไม่นาปรากฏว่าปูนที่หุ้มองค์พระอยู่ร้าวและเกิดรอยกระเทาะตรงบริเวญปลายพระนาสิก ทำให้เห็นว่าด้านในมีสีเขียว เจ้าอาวาสจึงกระเทาะปูนออกพบว่า มีพระพุทธรูปหินแก้วสีเขียว จึงได้เรียกขานว่าพระแก้วมรกต

  • วัดพระแก้วดอนเต้า 

เมื่อเจ้าสามฝั่งแกนเจ้าเมืองเชียงใหม่ผู้ครองอาณาจักรล้านนาทราบจึงจัดกระบวนช้างขึ้นไปอัญเชิญจากเมืองเชียงราย เมื่อลงมาถึงทางสามแพร่งที่เลี้ยวซ้ายจะไปเมืองเชียงใหม่ เลี้ยวขวาจะไปเมืองลำปาง แต่ช้างกลับไม่ยอมเดินไปทางเมืองเชียงใหม่ แต่กลับเลี้ยวไปลำปางถึงสามครั้ง จึงให้ไปประดิษฐานที่วัดพระแก้วดอนเต้า ถึง 32 ปี

  • วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ 

ในรัชสมัยของพระเจ้าติดลกราช พระองค์โปรดให้อัญเชิญพระแก้วมาไว้ที่เชียงใหม่ในปี พ.ศ.2011 

  • หอพระแก้วเวียงจันทน์ 

ในปี 2089-2090 พระไชยเชษฐาธิราช ผู้มีเชื้อสายลานนาล้างช้างได้เสด็จกลับไปครองราชที่หลวงพระบาง จึงได้ยืมพระพุทธสิหิงค์และพระแก้วมรกตกลับไปด้วยดดยอ้างว่าจะนำไปให้ญาติบูชาแต่เมื่อเสนาบดีเมืองเชียงใหม่ไปขอคืนกลับได้มาเพียงพระพุทธสิหิงส์เท่านั้น

  • วิหารน้อย วัดอรุณราชวราราม 

ในปี พ.ศ.2321 ในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสิน พระองค์ทรงให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกทัพไปตีเมืองเวียงจันทน์เพื่อเป็นประเทศราชของสยามดังเดิม พร้อมอัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมาสู่กรุงธนบุรี

  • วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง

หลังจากรัชการที่ 1 ได้ปราบดาภิเษกแล้วพระองค์โปรดให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดารามขึ้นในปี พ.ศ.2327 แล้วอัญเชิญพระแก้วมรกต ขึ้นประดิษฐาน แล้วพระราชทานพระนามว่า พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร

 

สรุป

ในปัจจุบัน พระแก้วมรกตถือเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย ซึ่งนักท่องเที่ยวและบุคลทั่วไปสามารถเข้าไปกราบสักการะบูชาได้ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง กรุงเทพมหานคร

สุดท้ายนี้ ขอแนะนำสิ่งดีๆ ที่จะช่วยสร้างมูลค่าทางการเงินให้ท่าน ที่นี่เลย Lottosod59 เว็บออโต้กระเป๋าเดียวที่ดีที่สุด