ตำนานญี่ปุ่น ซาดาโกะ กับ นกกระเรียนพันตัว
หลายคนคงพอจะเคยเห็นหรือคงจะรู้จักเรื่องราวของเด็กหญิงซาดาโกะกับตำนานพับนกกระเรียนกระดาษหนึ่งพันตัว ไม่ว่าจะจากอนิเมะ ซีรี่ย์ หนัง ภาพยนตร์ญี่ปุ่น แล้วการพับนกกระเรียนพันตัวจะมีความหมายอะไร มีเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร สามารถไปติดตามกันได้ในบทความนี้เลยครับ
มีตำนานอีกมากมายรอให้ท่านได้พิสูจน์ ซึ่งสามารถติดตามได้ที่ คนมีดวง เว็บข่าวสารดีๆเสริมความปังให้กับทุกๆคน
ความเป็นมาของนกกระเรียนพันตัว
ในราวปี 610 ที่ญี่ปุ่นได้เรียนรู้เทคโนโลยีการทำกระดาษจากประเทศจีนมานั้น หลังจากนั้น ชาวญี่ปุ่นก็ได้เริ่มผลิตกระดาษของตนเองที่เรียกว่า Washi ซึ่งวาชิถูกใช้โดยชนชั้นสูงในการนำไปห่อของขวัญ และถวายแด่พระเจ้า แต่ในที่สุดก็สามารถคิดค้นหาวิธีต่างๆ ในการที่จะพับให้เป็นรูปทรงที่สวยงามได้ และในช่วงสมัยเอโดะหลังปี 1700 การผลิตกระดาษญี่ปุ่นก็ได้เพิ่มขึ้น การพับกระดาษก็ได้เป็นที่นิยมในหมู่คนทั่วไป ต่อมาในหมู่เด็กก็เริ่มเรียนรู้การพับกระดาษ และได้เริ่มพับนกกระเรียนกัน โดยที่มีความเชื่อว่า ถ้าพับได้พันตัวจะสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาไว้นั่นเอง
ความหมายของนกกระเรียน
นกกระเรียนนอกจากจะเป็นสัญลักษณ์แห่งการมีอายุยืนยาวแล้ว นกกระเรียนยังกล่าวกันว่าเป็น สัญลักษณ์แห่งความรักสมานฉันท์ของคู่สามีภรรยา และเสียงของนกกระเรียน ที่ว่ากันว่าหมายถึงการดำรงอยู่ และการไปสู่โลกสวรรค์ มีความเชื่อกันว่าจะทำให้ความปรารถนา ที่จะหายจากอาการป่วยนั้นจะเป็นจริง ซึ่งอีกสิ่งหนึ่ง นกกระเรียนพันตัว ก็ยังหมายถึง สัญลักษณ์แห่งสันติภาพ และเรื่องนี้ได้มาจากเรื่องราวของซาดาโกะ ซาซากิ ที่เป็นต้นแบบของ อนุสาวรีย์สันติภาพของเด็ก ที่สร้างขึ้นในสวนอนุสรณ์สันติภาพของฮิโรชิม่าอีกด้วย
เรื่องราวเด็กหญิงซาดาโกะ กับนกกระเรียนพันตัว
เรื่องราวของ ซาดาโกะ เด็กหญิงชาวญี่ปุ่นผู้ที่ต่อสู้กับโรคร้าย ซึ่งเป็นผลจากภัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นที่มาของหนังสือเรื่องซาดาโกะกับนกกระเรียนพันตัว เป็นตำนานคำอธิษฐานเป็นจริงด้วยการพับนกกระเรียนกระดาษหนึ่งพันตัว ซาดาโกะนั้นเกิดเมื่อ 7 มกราคม ค.ศ. 1943 เกิดที่เมืองฮิโรชิมม่า ประเทศญี่ปุ่น ในครอบครัวช่างตัดผม ซึ่งอยู่ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ในขณะที่ซาดาโกะอายุราวสองขวบนั้น สหรัฐอเมริกาก็ได้ทิ้งระเบิดปรมาณูลงมาที่เมืองฮิโรชิม่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1945 ซึ่งบ้านของเธออยู่ห่างจากจุดระเบิดไม่ถึงสองกิโลเมตรเท่านั้น แต่ซาดาโกะไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย แต่ผลกระทบจากกัมมันตรังสีจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับเธอ วันหนึ่งหลังจากการแข่งขันวิ่งผลัดครั้งสำคัญที่เธอช่วยให้ทีมของเธอชนะ ชั่วขณะหนึ่งเธอรู้สึกเหนื่อยล้า เวียนศีรษะ และเจ็บหัวใจ แต่ไม่นานอาการเหล่านี้ก็หายไป ซึ่งตัวซาดาโกะคิดเพียงว่ามันเป็นอาการหลังจากการออกแรงวิ่งแข่งเพียงเท่านั้น และไม่ได้บอกให้ใครรู้ แต่ไม่นานหลังจากนั้น เธอกลับมีอาการเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง เริ่มมีอาการถี่และหนักยิ่งขึ้น เธอจึงได้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล วันหนึ่งเพื่อนสนิทของเธอได้มาเยี่ยมที่โรงพยาบาล โดยได้นำนกกระเรียนกระดาษ ซึ่งเป็นศิลปะการพับกระดาษแบบญี่ปุ่นมาให้ และบอกกับซาดาโกะว่า ในตำนานโบราณของชาวญี่ปุ่นนั้น มีนกกระเรียนศักดิ์สิทธิ์อายุยืนยาวหลายร้อยหลายพันปี เชื่อกันว่าหากพับนกกระเรียนกระดาษหนึ่งพันตัว จะสามารถอธิษฐานขอพรได้ตามที่ปรารถนา หลังจากได้ยินเกี่ยวกับตำนานนี้ซาดาโกะจึงตัดสินใจ ที่จะพับนกกระเรียนกระดาษให้ครบหนึ่งพันตัว ด้วยความหวังว่าเธอจะหายป่วยและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้อีกครั้ง ซาดาโกะยังคงพับนกกระเรียนกระดาษต่อไปด้วยความร่าเริงและมีความหวัง แต่อาการของเธอกลับยิ่งทรุดลงทุกวัน จนกระทั่งเธอจากไปอย่างสงบ ในวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ.1955 ด้วยวัย 12 ปี 9 เดือน และตลอดระยะเวลาหลายเดือนในโรงพยาบาล ซาดาโกะนั้น ก็ได้พับนกกระเรียนกระดาษได้มากกว่า 1,300 ตัว ซึ่งในงานศพของซาดาโกะ ครอบครัวของเธอ ก็ได้มอบนกกระเรียนที่ซาดาโกะพับขึ้นมา ให้กับแขกที่มาร่วมงาน คนละ 2-3 ตัว เพื่อให้ใส่นกกระเรียนเหล่านั้นลงไปในโลงศพของซาดาโกะนั่นเอง
เรื่องราวนกกระเรียนพันตัวที่เกิดขึ้นที่เมืองฮิโรชิม่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เป็นเรื่องราวของเด็กหญิงซาดาโกะนั้น ถือเป็นเรื่องราวที่สะเทือนใจ และการพับนกกระเรียนพันตัว ก็เหมือนเป็นการอธิษฐานขอพรให้ไม่ให้เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าแบบนี้ขึ้นอีก ซึ่งคนญี่ปุ่นหลายคนก็ให้นกกระเรียนพันตัวเป็นเครื่องราง เพื่อขอพรในเรื่องอื่นๆ ด้วยเช่นกันครับ
อ่านบทความจบแล้วอย่าลืมเสี่ยงโชคกับ Lottosod59 เว็บออโต้กระเป๋าเดียวที่ดีที่สุด